บทความเรื่อง...การศึกษาสร้างคน สร้างชาติ
การศึกษา หมายถึง
12 ปี จึงจะเพียงพอกับความต้องการและความจำเป็นที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น
2.
ต่างๆ
2.
ต่างๆ
ได้แก่
1.ระดับก่อนประถมศึกษา
2.ระดับประถมศึกษา 3.ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 4.ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 5.ระดับปริญญาตรีและต่ำกว่า
จากตาราง จะเห็นได้ว่ายิ่งระดับการศึกษาสูงขึ้น
คือปริญญาตรีและต่ำกว่า
เปรียบเทียบจาก พ.ศ. 2550 – 2552 นั้นจะมีจำนวนร้อยละ ของนักเรียนในระบบ ต่อ
ประชากรในวัยเรียนลดลง
เห็นได้ชัดจากจำนวนตัวเลขในแต่ละปีการศึกษาที่แตกต่างกัน นี่ก็เป็นข้อบ่งชี้ว่าสาเหตุที่ประชากร จะได้รับการศึกษาในระดับสูงๆนั้น
ต้องมาจากหลายปัจจัย หลายสาเหตุ
หรือเพราะไม่ได้รับการช่วยเหลือ
การสนับสนุนจากรัฐบาล หรือ ทางด้านครอบครัวอาจจะไม่มีทุนที่จะส่งให้บุตร
ร่ำเรียนต่อ เพราะการเรียนต่อในระดับปริญญา ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงมาก
ฐานะทางเศรษฐกิจบางครอบครัวอาจยังไม่พร้อม
หรือตัวบุคคลเองไม่ประสงค์อยากจะศึกษาต่อ บางคนก็กลัวว่าเรียนจบไปสูงๆ
อาจจะไม่มีงานทำ
แต่ละคนก็มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไป บางครอบครัวถ้าพ่อ กับ แม่
พี่น้อง เครือญาติ เรียนจบระดับปริญญา ขึ้นไป ตัวเอง
ก็ต้องดำเนินรอยตามต้องจบการศึกษาระดับปริญญาเหมือนกัน จะได้เทียบเท่า
สมศักดิ์ศรีและเป็นเกียรติให้กับวงศ์ตระกูลของตน
ระบบการศึกษาของไทย
การจัดการศึกษามีสามรูปแบบ คือ การศึกษาในระบบ
การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย สถานศึกษา
จัดได้ทั้งสามรูปแบบ
และให้มีการเทียบโอนผลการเรียนที่ผู้เรียนสะสมไว้ระหว่างรูปแบบเดียวกันหรือต่างรูปแบบได้
ไม่ว่าจะเป็นผลการเรียนจากสถานศึกษาเดียวกันหรือไม่ก็ตาม
การศึกษาในระบบมีสองระดับ
คือ การศึกษาขั้นพื้นฐานซึ่งจัดไม่น้อยกว่า 12 ปี
ก่อนระดับอุดมศึกษา และระดับอุดมศึกษา ซึ่งแบ่งเป็นระดับต่ำกว่าปริญญา
และระดับปริญญา ให้มีการศึกษาภาคบังคับเก้าปี นับจากอายุย่างเข้าปีที่เจ็ด
จนอายุย่างเข้าปีที่สิบหก หรือเมื่อสอบได้ชั้นปีที่เก้าของการศึกษาภาคบังคับ
- สำหรับเรื่องสถานศึกษานั้น การศึกษาปฐมวัย และการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ให้จัดใน
1) สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย
2) โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนของรัฐ เอกชน และโรงเรียนที่สังกัดสถาบันศาสนา
3) ศูนย์การเรียน ได้แก่
สถานที่เรียนที่หน่วยงานจัดการศึกษานอกโรงเรียน บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ
สถาบันศาสนา สถานประกอบการ โรงพยาบาล สถาบันทางการแพทย์ สถานสงเคราะห์
และสถาบันสังคมอื่นเป็นผู้จัด
- การจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษา
ให้จัดในมหาวิทยาลัย สถาบัน วิทยาลัย หรือ หน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่น ทั้งนี้ให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
- การจัดการอาชีวศึกษา การฝึกอบรมวิชาชีพ
ให้จัดในสถานศึกษาของรัฐ สถาน ศึกษาของเอกชน สถานประกอบการ หรือโดยความร่วมมือระหว่างสถานศึกษากับสถานประกอบการ
กระทรวง ทบวง กรม รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐ อาจจัดการศึกษา
เฉพาะทางตามความต้องการและความชำนาญของหน่วยงานนั้นได้โดยคำนึงถึงนโยบายและมาตรฐานการศึกษาของชาติ
การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด ผู้เรียนทุกคน
สามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ ดังนั้นกระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียน
ได้พัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ
การจัดการศึกษาทั้งสามรูปแบบใน หมวด 3
ต้องเน้นทั้งความรู้
คุณธรรม และ กระบวนการเรียนรู้
ในเรื่องสาระความรู้ ให้บูรณาการความรู้และทักษะด้านต่าง ๆ
ให้เหมาะสมกับแต่ละระดับการศึกษา ได้แก่ ด้านความรู้เกี่ยวกับตนเองและความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับสังคม
ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ด้านศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม การกีฬา ภูมิปัญญาไทย และการประยุกต์ใช้ภูมิปัญญา
ด้านภาษา โดยเฉพาะการใช้ภาษาไทย ด้านคณิตศาสตร์ ด้านการประกอบอาชีพ
และการดำรงชีวิตอย่างมีความสุข
ในเรื่องการจัดกระบวนการเรียนรู้ให้จัดเนื้อหาสาระและกิจกรรมที่สอดคล้องกับ
ความสนใจ ความถนัดของผู้เรียน และความแตกต่างระหว่างบุคคล รวมทั้งให้ฝึกทักษะ
กระบวนการคิด การจัดการการเผชิญสถานการณ์
และการประยุกต์ความรู้มาใช้ป้องกันและแก้ปัญหา จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนฝึกปฏิบัติจริงผสมผสานสาระ
ความรู้ด้านต่าง ๆ อย่างสมดุล และปลูกฝังคุณธรรม ค่านิยมที่ดี
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ในทุกวิชา นอกจากนั้น
ในการจัดกระบวนการเรียนรู้ยังต้องส่งเสริมให้ผู้สอนจัดบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้
ใช้การวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้
ผู้สอนและผู้เรียนอาจเรียนรู้ไปพร้อมกันจากสื่อและแหล่งวิทยาการประเภทต่าง ๆ
จัดการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นได้ทุกเวลา ทุกสถานที่ มีการประสานความร่วมมือกับผู้ปกครองและชุมชน
รวมทั้งส่งเสริมการดำเนินงาน และการจัดตั้งแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตทุกรูปแบบ การประเมินผลผู้เรียน ให้สถานศึกษาพิจารณาจากพัฒนาการของผู้เรียน ความ
ประพฤติ การสังเกตพฤติกรรมการเรียน การร่วมกิจกรรม และการทดสอบ ส่วนการจัดสรรโอกาสการเข้าศึกษาต่อ
ให้ใช้วิธีการที่หลากหลายและนำผลการประเมินผู้เรียนมาใช้ประกอบด้วย หลักสูตรการศึกษาทุกระดับและทุกประเภท ต้องมีความหลากหลาย โดยส่วนกลางจัดทำหลักสูตรแกนกลาง
กราฟแสดงจำนวนของนักเรียน นิสิต นักศึกษา ปีการศึกษา
2550 - 2552
จากสถิติจำนวนร้อยละของนักเรียน นิสิต
นักศึกษาในระบบต่อประชากรในวัยเรียนจำแนกตามระดับการศึกษาปี 2550-2552 พบว่าจำนวนนักเรียนที่เรียนชั้นประถมศึกษามีจำนวนมากที่สุดและรองลงมาคือชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น
ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายและปริญญาตรีตามลำดับและจากสถิติพบว่าในปี พ.ศ.2550 มีจำนวนนักเรียนประถมศึกษามากกว่าปี 2551 และ 2552
เปรียบเทียบจำนวนนักเรียน นิสิต นักศึกษา
ปีการศึกษา 2550 และ 2552
แผนภูมิร้อยละของจำนวนนักเรียน นิสิต นักศึกษาในระบบต่อประชากรในวัยเรียน จำแนกตามระดับการศึกษา ปีการศึกษา 2550 - 2552
สรุป
การศึกษาขั้นพื้นฐาน
เน้นความเป็นไทยและความเป็นพลเมืองดี การดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพตลอด จนเพื่อการศึกษาต่อและให้สถานศึกษาขั้นพื้นฐานจัดทำหลักสูตรในส่วนที่เกี่ยวกับสภาพปัญหาในชุมชนและสังคม
ภูมิปัญญาท้องถิ่น และคุณลักษณะของสมาชิกที่ดีของครอบครัว ชุมชนสังคมและประเทศชาติ
สำหรับหลักสูตรการศึกษาระดับอุดมศึกษาเพิ่มเรื่องการพัฒนาวิชาการ
วิชาชีพชั้นสูงและการค้นคว้าวิจัย เพื่อพัฒนาองค์ความรู้และสังคมศึกษา ประเทศไทยมีความจำเป็นที่จะต้องเร่งพัฒนาประเทศในทุกด้าน
และการศึกษาเป็นกระบวนการอย่างหนึ่ง ที่ทำให้คนมีความรู้
ความสามารถเพียงพอต่อการเป็นผู้สร้างความเจริญ
และการเป็นผู้รับการเปลี่ยนแปลงของสังคม การศึกษามีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ
วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ซึ่งปรากฏผลเด่นชัดทางวัตถุ และการศึกษายังเป็นปัจจัยหลัก
ในการพัฒนาสังคม วัฒนธรรม การเมืองการปกครอง
ซึ่งเน้นหนักทางคุณธรรมและคุณภาพของประชาชน สัมฤทธิผลของการศึกษาจึงวัดได้จากการบุคคลสามารถดำเนินชีวิตอย่างสงบพอเหมาะพอควร
สังคมและประเทศชาติรอดพ้นจากปัญหา มีความมั่นคงร่มเย็นเป็นสุข
การศึกษาจึงเป็นไปเพื่อชีวิตและสังคม
“การศึกษาคือตัวแปรสำคัญในการสร้างคน คนคือตัวจักรสำคัญในการสร้างสังคม”
เพราะอนาคตของประเทศชาติขึ้นอยู่กับศึกษาและวัฒนธรรมตราบเท่าที่ผู้รับผิดชอบเกี่ยวกับการศึกษามีคุณสมบัติไม่เหมาะสมกับตำแหน่งอนาคต ประเทศชาติย่อมไม่สามารถจะก้าวไปในทิศทางที่พึงประสงค์ได้
เพราะการศึกษาคือ การสร้างคน คนสร้างสังคม สังคมก่อขึ้นมาเป็นชาติ
เพราะการศึกษาคือ การสร้างคน คนสร้างสังคม สังคมก่อขึ้นมาเป็นชาติ
ถ้าผู้ใดมีโอกาสได้ศึกษาเล่าเรียนต่อในระดับสูงๆ แล้วนั้น ก็ควรจะทำหน้าที่ของตนเอง คือมีความตั้งใจ
ขยันหมั่นเพียร อดทน หมั่นศึกษาหาความรู้
ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด ให้สมกับที่ได้มีโอกาสมาเล่าเรียน
เพราะบางคนเขาไม่มีแม้แต่โอกาส ที่จะได้เล่าเรียนหนังสือ ได้รับความรู้ดีๆ
ได้ประสบการณ์เพิ่ม
ที่มา
-สถิติการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ
ตรวจแล้ว
ตอบลบอ.กนกพร